Pages

Showing posts with label Grammar. Show all posts
Showing posts with label Grammar. Show all posts

โครงสร้าง TENSE

Jul 16, 2014

1. Present Simple.
Sub + Verb 1 +.........

2. Present Continuous.
Sub + is, am, are, + Verb-ing +
.........

3. Present Perfect
Sub + has, have + Verb 3 +
.........
4. Present Perfect Continuous.
Sub + has, have + been + Verb-ing +
.........
5. Past Simple.
Sub + Verb 2 +
.........

6. Past Perfect.
Sub + had + Verb 3 +
.........

7. Past Continuous.
Sub + was, were + Verb-ing +
.........

8. Past Perfect Continuous.

Sub + had + been + Verb-ing +.........

9. Future Simple

Sub + will, shall + Verb 1 +.........

10. Future Continuous.
Sub + will, shall + be + Verb 3 +
.........

11. Future Perfect.

Sub + will, shall + have + Verb 3 +.........

12. Future Perfect Continuous.
Sub + will, shall + have + been+ Verb-ing +
.........
Read more ...

วิธีใช้ Refuse... Deny...

Feb 6, 2014

วิธีใช้  Refuse...
        Deny...
          

คำว่า "ปฏิเสธ" แปลว่าอะไรในภาษาอังกฤษ deny (ออกเสียงว่า ดี-นาย) refuse (ออกเสียงว่า รี-ฟิว-ส) ซึ่งใช้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เรามาดู 3 วิธีใช้ เพื่อการสื่อความหมายของว่า "ปฏิเสธ"

      To Refuse หมายความว่า "ไม่ยอมทำหรือปฏิเสธที่จะทำอย่างไรบางอย่าง" เช่น

I refuse to believe Somchenge is going out with Lamut.
(ฉันไม่เชื่อว่าส้มเช้งเป็นแฟนกับละมุด)
ในตัวอย่างนี้ refuse แลปว่า "ไม่ยอม" ดังนั้น refuse to believe หมายถึง "ไม่ยอมเชื่อ" 

He offered me a job, but I refused.
(เขาเสนองานให้ฉันทำ แต่ฉันปฏฺิเสธ)

You shouldn't refuse his help if he give it to you.
(เธอไม่ปฏิเสธเขาถ้าเขาเสนอความช่วยเหลือ)
ในทำนองเดียวกัน ถ้าหากคุณ refuse สิ่งของอะรบางอย่าง นั่นหมายถึงคุณไม่รับของนั้น เช่น

She refused a second plate of food.
(เธอปฏิเสธทานอาหารจานที่สอง)

I'm too fat, So I'll refuse all cake this week.
(ฉันรู้สึกอ้วนเกินไป อาทิตย์นี้จะไม่กินเค้กทุกชนิด)

      to deny  เป็นกริยาหมายถึง ปฏิเสธข้อกล่าวหาหรือคำประณาม คือ ต้องมีคนมาว่าคุณก่อนที่คุณสามารถ deny ได้ เช่น

The teacher accused Somchai of stealing the book. Somchai denied it.
ครูกล่าวหาว่าสมชายขโมยหนังสือ แต่สมชายปฏิเสธ
กรณีเช่นนี้ สมชายต้องใช้ deny และคุณต้อง deny อะไรบางอย่าง เราจะต้องบอกว่า...
Somchi denied stealing the book.
คุณต้อง deny + verb + ing เพราะ deny ต้องตามด้วยนามเท่านั้น

The politician had six luxury cars and four mansions, but denied  being corrupt.
(นักการเมืองคนนั้นมีรถหรูหกคันและคฤหาสน์สี่หลังแต่ยังปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนทุจริต

Do you deny knowing the accused?
(คุณปฏิเสธหรือเปล่าว่าคุณเคยรู้จักผู้ถูกกล่าวหา)

      สรุปว่า refuse คือ ปฏิเสธหรือไม่ยอมทำอะไรบางอย่าง แต่ deny คือปฏิเสธข้อกล่าวหาคะ
หวังว่าคงจะมีประโยชน์กับทุกคนนะคะ (*I get English )


Read more ...

Pronoun

Feb 6, 2014

Pronoun

Pronoun คือ คำที่ใช้แทนนาม(สรรพนาม) ทำหน้าที่เป็นประธาน กรรม แสดงความเป็นเจ้าของ

รูปแบบของคำสรรพนาม


 รูปแบบที่ 1 ตำแหน่งของสรรพนามที่ทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค จะอยู่หน้ากริยา ถ้าต้องใช้สรรพนามที่เป็นประธานต้องใช้กลุ่มนี้เท่านั้น
เช่น I will go with you. ฉันจะไปกับคุณ








รูปแบบที่ 2 ตำแหน่งของสรรพนามที่ทำหน้าที่เป็นกรรมของกริยาและบุพบท จะอยู่หลังคำกริยาและบุพบทนั้น ๆ
เช่น Ana asked me to go with her. ประโยคนี้ใช้สรรพนาม "me" เพราะอยู่หลังคำกริยา "asked" และใช้ "her" เพราะอยู่หลังบุพบท "with"







รูปแบบที่ 3 กลุ่มคำที่ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ กลุ่มคำนี้ต้องตามด้วยคำนามเท่านั้น ถ้าไม่มีคำนามจะไม่สามารถใช้คำกลุ่มนี้ได้ 
เช่น my book = หนังสือของฉัน
       your book = หนังสือของคุณ
      their book = หนังสือของพวกเขา
My house is small but comfortable. บ้านของฉันเล็กแต่อยู่สบาย





รูปแบบที่ 4 คำสรรพนามกลุ่มนี้ใช้แสดงความเป็นเจ้าของเช่นกัน แต่ การใช้ไม่เหมือนกับคำสรรพนามในกลุ่มที่ 3  คำสรรพนามในกลุ่มนี้เป้นการรวมคำสรรพนามที่ใช้แสดงความเป็นเจ้าของกับคำนามเข้าไว้ด้วยกัน เนื่องจากไม่ต้องการกล่าวคำนามนั้นซ้ำอีกครั้ง
เช่น This is my book. Which one is yours? (your book)
นี่คือหนังสือของฉัน  หนังสือเล่มไหนของคุณ


รูปแบบที่ 5 คำสรรพนามกลุ่มนี้จะสังเกตได้ว่ามีคำว่า self อยู่ในส่วนท้างทุกคำ มีการใช้อยู่ 3 รูแบบดังนี้
5.1 ใช้หลังคำกริยา  โดยประธานเป็นผู้ทำตัวเอง ตรงกับความสหมายในภาษาไทยว่า
ทำให้ตัวเองเป็น...อย่างนั้นเอง เช่น
The man shot himself. ผู้ชายคนนี้ยิงตนเอง (ประธานทำกริยาเอง และทำตนเองด้วย)
They hurt themselves. พวกเขาทำให้ตนเองเจ็บเอง (ประธานทำทั้งกริยาและทำทั้งตนเอง

5.2 ใช้เพื่อเน้น โดยปกติจะวางไว้หลังกรรมและประโยคหรือวางไว้หน้ากริยา ตรงกับภาษาไทยว่า "ผู้นั้นเองที่เป็นผู้ทำกริยา" แต่ประธานไม่ได้ทำตนเอง เช่น
I do it myself. ฉันทำมันเองแหละ

5.3 ใช้กับสำนวน by + self แปลว่า ตามลำพัง เช่น
He did it by himself. เขาทำมันเอง (ไม่มีใครช่วย)
She lived by herself. เธออยู่ได้ด้วยตัวเธอเอง (อยู่ได้ด้วยตัวเอง)
Read more ...

Adverbs

Feb 5, 2014


Adverbs
          Adverbs คือคำที่ทำหน้าที่ขยายกริยา, คุณศัพท์, หรือขยาย Adverbs ด้วยกันก็ได้
หลักการใช้ Adverbs
- ถ้าขยายกริยา ให้ เรียงไว้ หลังกริยา  เช่น The old man walk slowly.
- ถ้าขยายคุณศัพท์ ให้ เรียงไว้ หน้าคุณศัพท์  เช่น John  is very  strong.
ถ้าขยาย Adverbs ให้เรียงไว้ หน้า Adverbs  เช่น The train runs very fast.

ชนิดของ Adverbs
Adverbs แบ่งออกเป็นหมวดใหญ่ๆได้ 3 กลุ่ม คือ
1.Simple Adverbs กริยาวิเศษณ์สามัญ ใช้ ขยายกริยาธรรมดานี่เอง แบ่งได้ 6 กลุ่มคือ
   1. 1 Adverbs of time กริยาวิเศษณ์บอกเวลา ได้แก่คำว่า now,  ago, yesterday, ...
   1. 2 Adverbs of place กริยาวิเศษณ์บอกสถานที่ ได้แก่คำว่า near, far, in, out, …
   1. 3 Adverbs of frequency กริยาวิเศษณ์บอกความสม่ำเสมอ ได้แก่คำว่า always, often, again, usually,
   1. 4 Adverbs of Manner กริยาวิเศษณ์บอกอาการ ได้แก่คำว่า well, slowly, quickly, fast..
   1. 5 Adverbs of Quantity กริยาวิเศษณ์บอกปริมาณมากน้อย ได้แก่คำว่า Many, much, very, too, quite…
   1. 6 Adverbs of affirmation or negation กริยาวิเศษณ์บอกการรับหรือปฏิเสธ ได้แก่คำว่า  yes, no, not, not at all…

2. Interrogative Adverbs กริยาวิเศษณ์คำถาม ใช้ขยายกริยาเพื่อให้เป็นคำถาม (ต้องวางไว้ หน้าประโยคเสมอ) 
แบ่งได้ 6 กลุ่มคือ
   2.1 บอกเวลา  ได้แก่คำว่า When (เมื่อไร), How long (นานเท่าไร)
   2.2 บอกสถานที่ ได้แก่คำว่า Where (ที่ไหน).
   2.3 บอกจำนวน  ได้แก่คำว่า How many (มากเท่าไร), How often (กี่ครั้ง)
   2.4 บอกกริยาอาการ ได้แก่คำว่า How (อย่างไร) (ใช้ กับdo)
   2.5 บอกปริมาณ  ได้ แก่คำว่า How much (มากเท่าไร)
   2.6 บอกเหตุผล  ได้แก่คำว่า Why (ทำไม)

3.Conjunctive Adverbs กริยาวิเศษณ์สันธาน ใช้เชื่อมประโยคหน้าและหลังให้สัมพันธ์กัน ได้แก่คำว่า Why, Where, When, How, Whenever, While , As, Wherever..

* หมายเหตุ Adverbs บางคำมีรูปเช่นเดียวกับ Adj. แต่การใช้ต่างกัน เช่น fast, hard, low, right, etc. ซึ่งเราจะสังเกตได้จากการวาง คือ
- เมื่
อวางไว้ หน้านาม หรือหลัง Verb to be ก็จะเป็น Adj.
- ถ้าวางไว้ หลังกริยาทั่
วๆไป ก็จะเป็น Adverbs.
Read more ...

Adjective

Feb 3, 2014
       


          Adjective คืออะไร (Adj.) คือคำที่ใช้บรรยายคุณภาพของนาม (ขยายนาม) เช่น Good, tall, beautiful, ugly... etc.
       
            โดยปรกติมีวิธีใช้ อยู่ 2 วิธี 
            1. เรียงไว้หน้านามที่ Adj. นั้นไปขยายโดยตรงก็ได้ เช่น
                The fat man can’t run quick.
                A clever boy can answer a difficult problem.
         
            2. เรียงไว้ หลัง Verb to be ก็ได้ เช่น
               Anna is beautiful.
               My dog is black.
การใช้ Adj. แบบ 1 และ 2 นั้นเป็นการใช้ Adj. แบบทั่วๆไป แต่ยังมี Adj. พิเศษหลายตัวที่บังคับว่าจะต้องใช้วิธีใดวิธีหนึ่งจะแบ่งประเภทได้ดังต่อไปนี้

                                            ชนิดของ Adj. แบ่งออกเป็น 8 ชนิดคือ


1. Descriptive Adj. คุณศัพท์บอกลักษณะ(หรือคุณภาพ) เช่น Good, fat, tall, thin, rich ,etc.

2. Proper Adj. คุณศัพท์บอกชื่อเฉพาะ(บอกสัญชาติ) คือเป็นAdj. ที่มีรูปมาจากคำนามที่เป็นชื่อเฉพาะ เช่น Thai (มาจาก Thailand), English (มาจาก England)…

3. Quantitative Adj. คุณศัพท์บอกปริมาณ(ว่ามากหรือน้อยเท่านั้น) ได้แก่คำว่า many, much, little, some, any, all . เช่น He has many friend เขามีเพื่อนมาก.

4. Numeral Adj. คุณศัพท์ที่บอกจำนวน(ว่ามีเท่าไร) ได้แก่คำว่า One, Two,Three…

5. Demonstrative Adj. คุณศัพท์ชี่อเฉพาะ(เจาะจงว่าเป็นคนนั้นคนนี้ มิได้ หมายถึงคนอื่น)ได้แก่คำว่า the, same, this, that, these, those, such, such a . เช่น He is in the same room. เขาอยู่ห้องเดียวกัน.

6. Possessive Adj. คุณศัพท์บอกเจ้าของ(มีรูปมาจากบุรุษสรรพนามที่ 3 )แต่เวลาใช้จะต้องมีนามตามหลังด้วยเสมอ ได้แก่คำว่า my, your, our, his, her, its, there . เช่น His dog is white. สุนัขของเขาสีขาว.

7. Interrogative Adj. คุณศัพท์คำถาม (ใช้ขยายนามเพื่อให้เป็นคำถามต้องวางไว้หน้านามเสมอ ได้แก่คำว่า What (อะไร), Which (อันไหน) ,Whose (ของใคร) เช่น Whose house is that ? นั้นคือบ้านของใคร ? 

8. Distributive Adj. คุณศัพท์แบ่งแยก(ใช้ขยายนามเพื่อแบ่งแยกให้เป็นรายบุคคลหรือรายสิ่งตามที่ผู้ พูดต้องการ) และนามที่ถูกขยายนั้นต้องเป็นเอกพจน์ตลอดไป ได้ แก่คำว่า each, (แต่ละ), either (อันใดอันหนึ่ง, คนใดคนหนึ่ง),neither (ไม่ทั้งสอง), every (ทุกๆ) เช่น Either blank is flooded. แต่ละฝั่งของแม่นํ้าถูกนํ้าท่วม.
Read more ...

English Parts of Speech

Jan 20, 2014

ถาม :  Part of Speech คืออะไร? แบ่งออกเป็นกี่ชนิด และอะไรบ้าง?
ตอบ : 
Part of Speech คือ ส่วนหนึ่งแห่ง คำพูด หมายความว่า คำต่าง ๆ ที่เราพูดหรือเขียนออกไปนั้น จะต้องเป็นอันใดอันหนึ่งในส่วนแห่งคำพูดจะเป็นคำมาจากที่อื่นนอกเหนือจากส่วนแห่งคำพูดไม่ได้ ซึ่งแบ่งออกเป็น 8 ชนิด พอสังเขปได้ดังนี้

1.Noun (นาวน) คำนาม คือ คำที่เป็นชื่อคน, สัตว์, วัตถุ, สิ่งของ, สถานที่, และอื่น ๆ ได้แก่ man, dog, cat, girl, table
Man (แม็น) ผู้ชาย เป็นชื่อของ คน
Dog (ด็อก) หมา เป็นชื่อของ สัตว์
Cat (แค็ท) แมว เป็นชื่อของ สัตว์

2.Pronoun (โพระนาวน) คำสรรพนาม คือ คำที่ถูกนำมาใช้แทนคำนาม ได้แก่ I, You, We, She, He, ect.
I (ไอ) ฉัน ผม ect. ใช้แทนผู้พูดคนเดียว
We (วี) พวกฉัน พวกเรา ect. ใช้แทนผู้พูดหลายคน
You (ยู) คุณ ใช้แทนผู้ที่เราพูดด้วย
He (ฮี) เขา ใช้แทนผู้ชายคนเดียวที่เราพูดถึง
She (ฌี) เธอ ใช้แทนผู้หญิงคนเดียวที่เราพูดถึง
It (อิท มัน ใช้แทนสิ่งเดียวที่เราพูดถึง
They (เดย์) พวกมัน ใช้แทนหลายสิ่งที่เราพูดถึง


3.Adjective (แอจิคทิฝ) คำคุณศัพท์ คือ คำที่ถูกนำมาใช้ในการแสดงคุณสมบัติของคำนาม และ คำสรรพนาม ว่ามีลักษณะอย่างไร  ได้แก่ red, tall, five, bright ect.
Red  (เรด) สีแดง แสดง สี
Tall  (ทอล) สูง แสดง ลักษณะ
Five (ไฟฝ) ห้า แสดง จำนวน

Bright (ไบรท) สดใส แสดง สภาวะ

4.Verb (เฝิร์บ) คำกริยา คือ คำที่ถูกนำมาใช้ในการแสดงเป็นชื่อกริยาอาการ เป็นการกระทำของ คำนาม และคำสรรพนาม ได้แก่ go, sit, eat, speak, run ect.
Go (โกว) ไป แสดง การเคลื่อนที่ธรรมดา
Sit  (ซิท) นั่ง แสดง การอยู่กับที่
Eat (อีท) กิน แสดง การเคี้ยว
Speak (สปีค) พูด แสดง การสื่อสาร
Run (รัน) วิ่ง แสดง การเคลื่อนที่อย่างเร็ว

5.Adverb (แอ็ดเฝิร์บ) คำกริยาวิเศษณ์ คือ คำที่ถูกนำมาใช้ในการแสดงอาการของคำกริยา ได้แก่ joyfully, slowly, quickly, ect.
Joyfully (จอยฟุลลิ) อย่างสนุกสนาน แสดง อาการรื่นเริง
Slowly (สโลวลิ) อย่างเชื่องช้า แสดง อาการเคลื่อนไหว
Quickly (ควิคลิ) อย่างรวดเร็ว แสดง อาการเคลื่อนไหว

6.Preposition (เพร้โพะซิชั่น) คำบุรพบท คือ คำที่ถูกนำมาใช้นำหน้าคำนาม, คำสรรพนาม และคำอื่น ๆ ทำให้คำที่อยู่ข้างหน้าและคำที่อยู่ข้างหลังมีความหมายสัมพันธ์กัน เช่น in, on, at ect.
In (อิน) ใน  She is in the room   (เธออยู่ในห้อง)
On (ออน) บน  The book is on the table   (หนังสืออยู่บนโต๊ะ)

7.Conjunction (คอนจังชั่น) คำสันธาน คือ คำที่ถูกนำมาใช้เป็นคำเชื่อมคำ เชื่อม กลุ่มคำ และเชื่อมประโยค ให้มีความหมายสัมพันธ์กัน ได้แก่ and, but, or ect.
You and I (เชื่อมคำ คุณและผม)
Very cheap but  very good. (เชื่อมคำ ถูกมากแต่ดีมาก)

8.Interjection (อินเทอรจิคชั่น) คำอุทาน คือ คำที่แปล่งออกมาด้วยความรู้สึกของจิตใจที่เกิดขึ้นขณะนั้น ๆ ได้แก่ Oh!,  My god!,  Hello ect.
Oh! How do you come here? (โอ้! คุณมาที่นี่ได้อย่างไร?)

Read more ...

การใช้ The

Jan 20, 2014

1.ใช้เมื่อต้องการชี้เจาะจงถึง สัตว์ บุคคล สิ่งของ สถานที่นั้น ๆ  
ช่น : The book. 

2.ใช้ The นำหน้าคำนาม ทั้งที่เป็นเอกพจน์และคำนามพหุพจน์ 
ช่น : The book is on the table. 

3.ใช้ The นำหน้าคำนามเอกพจน์ เน้นความหมายแทนชาติตระกูล
เช่น : The dog is animal.


4.ไม่ใช้ The นำหน้าเอกพจน์ ที่เน้นความหมายแทนชาติตระกูล สำหรับ 2 คำ ได้แก่ Man และ Woman
ช่น : Man is moral. Ex : Woman is woman.

5.ใช้ The นำหน้าคำนาม ของสิ่งที่มีอยู่สิ่งเดียวในโลก 
ช่น : The moon,  Ex : The sum,   Ex : The world

6.ใช้ The นำหน้าคำคุณศัพท์ (Adjective) 
ช่น : The biggest table, The tallest man.

7.ใช้ The นำหน้าคำนามที่เป็ฯชื่อของเทือกเขา  
ช่น : The Himalayas, The Alps

8.ใช้ The นำหน้าคำนามที่เป็นชื่อของแม่น้ำ
ช่น : The Rhine, The Tapee Riber

9.ใช้ The นำหน้าคำนามที่เป็นชื่อของทะเล  
ช่น : The Arabian Sea, The Red Sea

10.ใช้ The นำหน้าคำนามที่เป็นชื่อของเกาะ  
ช่น : The Hiroshima, The Philippines

11.ใช้ The นำหน้าคำที่เป็นชื่อของเมือง  
ช่น : The New York City,  The Tokyo

12.ใช้ The นำหน้าคำนามที่เป็นชื่อโรงแรม 
ช่น : The Park Hotel,  The Royal Hotel

13.ใช้ The นำหน้าคำนามที่เป็นชื่อของเรือที่มีชื่อเสียง 
ช่น : The Queen Elizabeth

14.ใช้ The นำหน้าคำนามที่เป็นชื่อหนังสือพิมพ์  
ช่น : The Queen Elizabeth

คำนามที่ไม่ต้อง ใช้ The นำหน้า

1.คำนามที่เป็นบุคคลซี่งเป็นญาติผู้ใหญ่ 
ช่น : Mother,  Farther

2.คำนามที่เป็นบุคคลใกล้ชิดสนิทกัน 
ช่น : Teacher,  Student

3.คำนามพหุพจน์ที่กล่าวถึงในลักษณะเป็นตัวแทนทั่วไปของกลุ่มบุุคคลอาชีพ
ช่น : Writers, Produced, Great, Work

4.คำนามที่นับไม่ได้วางอยู่หลังคำคุณศัพท์ (Adjective) ไม่ต้องใช้ the นำหน้า
ช่น : English language, American force

5.ไม่ต้องใช้ The นำหน้าคำนามบอกชื่อมื้ออาหาร
ช่น : lunch

Read more ...

Present Simple Tense.

Jan 20, 2014

Read more ...

English Grammar Verbs.

Jan 19, 2014
English Grammar Verbs In This Mind Map


 cr:http://visual.ly/english-grammar-verbs
Read more ...

Check Your Writing

Jan 19, 2014
Check Your Writing In This Mind Map


cr:http://visual.ly/check-your-writing
Read more ...

Basic English Grammar

Jan 19, 2014
 English grammar in this Mind Map.


cr:http://visual.ly/basic-english-grammar

Read more ...